แม้ว่าจะต่อเติมความหวังแล้วก็ยังยื้อความฝันเอาไว้อยู่นานหลายปี แต่ดูเหมือนว่าแรงปรารถนานั้น
บางทีอาจไม่สัมฤทธิ์ผล สำหรับแฟนคลับ ที่อยากจะได้เห็น “อลิเซีย วิกันเดอร์” กลับมาเป็นนักสู้สาวจากวิดีโอเกมโด่งดังอีกรอบ โอกาสที่จะเป็นไปได้นั้นค่อนข้างจะริบหรี่ หลังจากมีข่าวว่าลิขสิทธิ์ดัดแปลงจากเกมดังเรื่องนี้ ได้กลับมาสู่การทอดตลาดหาผู้ครอบครองใหม่อีกครั้ง
The Wrap ออกมาเผยว่า ลิขสิทธิ์ครอบครองที่จะดัดแปลงวิดีโอเกมชื่อดัง อย่าง “Tomb Raider” ได้ถูกคืนไปสู่ตลาดอีกครั้ง ภายหลังที่ผู้ครอบครองล่าสุด อย่าง เอ็มจีเอ็ม ได้หมดสัญญาข้อตกลงไป โดยที่เพิ่งจะสร้างภาพยนตร์ฉบับรีบูตไปแค่เพียงเรื่องเดี่ยว ทำให้ตอนนี้ลิขสิทธิ์ Tomb Raider กลายเป็นสิ่งที่สตูดิโอหนังแล้วก็โปรดักชั่นต่าง ๆ จับจ้องและเล็งที่จะช่วงชิงสิทธิ์มาให้ได้
Tomb Raider ฉบับรีบูตใหม่นั้น สร้างออกมาในปี 2018 ได้นักแสดงสาวเจ้าของรางวัลออสการ์ อลิเซีย วิกันเดอร์ มารับบทเป็นสาวบู๊ประจำเรื่อง
แม้ว่าหนังจะไม่ได้ประสบผลสำเร็จเปรี้ยงปังสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าสร้างผลลัพธ์ออกมาได้ค่อนข้างน่าพึงพอใจ และค่ายหนังก็มีแผน ที่จะเข็นภาคต่อออกมาต่อจากนั้น แต่ปรากฏว่าต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์โควิด-19 แล้วก็ เอ็มจีเอ็ม ก็ได้ถูก อะแมซอน ซื้อกิจการไป ทำให้หลาย ๆ โครงการหนังต้องชะลอไปด้วย
แต่เดิม Tomb Raider ภาคต่อนั้น มีแผนจะให้ผู้กำกับหญิงดาวรุ่ง “มิช่า กรีน” มาเป็นผู้ผลิต แต่โครงการก็ยังปล่อยผ่านเลยไปนานหลายเดือน จนลิขสิทธิ์ของ Tomb Raider ของเอ็มจีเอ็ม มีเดดไลน์สิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะประกาศให้ไฟเขียวสร้าง ทำให้เมื่อเลยกำหนดดังกล่าวไปแล้ว เอ็มจีเอ็มก็เลยต้องเสียสิทธิ์ในการสร้างภาคต่อและปล่อยผ่านไป
แหล่งข่าววงในฮอลลิวูดระบุว่า “การรีบูตครั้งใหม่ไม่มีภาระผูกพันใด ๆ เกี่ยวกับนักแสดงแล้วก็ผู้กำกับอีกต่อไป เพราะว่าสิทธิ์ได้กลับไปสู่บริษัทผู้สร้างเกมแล้ว”
สำหรับหนัง Tomb Raider เคยสร้างออกมาครั้งแรกในปี 2001 กับ 2003 ที่มี “แอนเจลิน่า โจลี” แสดงนำ ทำเงินทั่วโลกไปได้กว่า 432 ล้านเหรียญ ก่อนที่จะมีการปัดฝุ่นแต่งเรื่องใหม่ในปี 2018 ที่ทำเงินไปได้ราว 275 ล้านเหรียญ จากทั่วโลก